ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อสุขภัณฑ์


1. ชนิดของสุขภัณฑ์ : สุขภัณฑ์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1.1 สุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียว (One Piece) : มีถังพักน้ำเป็นชิ้นเดียวกับโถสุขภัณฑ์ จึงทำให้รูปทรงค่อนข้างกลมกลืนดูเป็นชิ้นเดียว โดยมีจุดเด่น คือ สวยงาม ติดตั้งได้รวดเร็วโดยไม่ต้องประกอบชิ้นส่วน มีระบบชำระล้างที่ทำงานเงียบ และยังไม่มีปัญหาน้ำรั่วมากวนใจเมื่อใช้ไปนาน ๆ ด้วยครับ แถมที่สำคัญเมื่อไม่มีรอยต่อ ก็ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคด้วยนะครับ แต่สุขภัณฑ์ชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูงกว่าสุขภัณฑ์แบบสองชิ้น เพราะมีขั้นตอนในการผลิตที่ซับซ้อนกว่า

1.2 สุขภัณฑ์แบบสองชิ้น (Two Pieces) : เป็นสุขภัณฑ์ที่มีถังพักน้ำแยกออกมา รวมถึงเป็นประเภทของสุขภัณฑ์ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถติดตั้งได้อย่างสะดวกสบายและมีราคาย่อมเยาว์ แถมยังมีดีไซน์ที่หลากหลาย ทำให้สามารถเข้ากันได้กับห้องน้ำหลากหลายสไตล์

2. ระดับความสูงของสุขภัณฑ์ : เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะระดับความสูงของสุขภัณฑ์มีผลต่อความสบายตอนนั่งอย่างที่คุณคาดไม่ถึง ซึ่งบางทีเราอาจจะรู้สึกว่าไม่ต้องวุ่นวายอะไรกับสิ่งนี้มาก เพราะห้องน้ำก็ไม่ใช่พื้นที่ที่เราต้องใช้ตลอดเวลา แต่ถ้าสุดท้ายแล้วสุขภัณฑ์ที่เราซื้อมาความสูงไม่พอดี นั่งแล้วไม่สบาย อาจทำให้รู้สึกเกร็งหรือปวดเมื่อยกว่าเดิม กลายเป็นปัญหากวนใจ จนต้องไปจบลงที่การเปลี่ยนใหม่อีกรอบก็ได้ มาตรฐานระดับความสูงของสุขภัณฑ์ที่ดี ควรอยู่ที่ประมาณ 14-17 นิ้ว แต่สำหรับห้องน้ำเด็กแนะนำให้ใช้ความสูงประมาณ 14 นิ้ว ส่วนห้องน้ำมาตรฐานทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 17 นิ้ว

3. ขนาด รูปทรง และดีไซน์ของสุขภัณฑ์ : 

3.1 ขนาด : ก่อนอื่นเราควรเช็กขนาดของห้องน้ำ เพื่อที่จะได้จัดสรรพื้นที่และออกแบบการจัดวางได้อย่างเหมาะสม หากใครคิดภาพไม่ออกให้ลองนึกว่า เวลาเราไปเข้าห้องน้ำตามร้านอาหารหรือที่สาธารณะ แล้วพบว่าห้องน้ำแคบมาก นั่งสุขภัณฑ์แล้วเข่าแทบชนประตู สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากการไม่ได้วัดขนาดให้พอดี ดังนั้นเราควรเลือกสุขภัณฑ์ให้เหลือพื้นที่จากปลายสุดของสุขภัณฑ์-ผนังห้องน้ำ อย่างน้อยประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้หัวเข่าติดประตูหรือผนังเวลาใช้งาน

3.2 รูปทรงของฝานั่ง : โดยทั่วไปสุขภัณฑ์จะมีรูปทรงอยู่ 2 แบบ คือ ทรงกลมกับทรงรี หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าทรงหน้ายาว (Elongate) โดยทรงกลมจะเหมาะกับห้องน้ำที่ค่อนข้างมีพื้นที่จำกัด ส่วนทรงรีจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการความสบายในการใช้งาน เนื่องจากมีพื้นสัมผัสที่มากขึ้น ช่วยให้เฉลี่ยน้ำหนักกดทับได้ดีขึ้น เมื่อใช้งานจึงช่วยให้ขาไม่ชา

3.3 ดีไซน์ : เรื่องดีไซน์เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ เพราะในปัจจุบันสุขภัณฑ์ถูกออกแบบมาให้สามารถเข้าได้กับบ้านหลายสไตล์​ ไม่ว่าจะเป็น สไตล์ Minimal สไตล์ Modern หรือสไตล์ Luxury ผ่านการใช้รูปทรง สี หรือการใช้ความโค้ง ความเหลี่ยมของตัวสุขภัณฑ์ ที่เมื่อนำไปใช้แล้วจะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในห้องน้ำของเราให้น่าใช้ และรับรองว่าช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับทุกครั้งที่ใช้งานได้แน่นอน

4. ฝาปิดรองนั่ง : การเลือกใช้ฝาปิดแบบ Soft Close ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้มากขึ้น เวลาปิดจะค่อนข้างนุ่มนวล ไม่มีเสียงดังและเกิดการกระแทก ทำให้ยืดอายุการใช้งานได้มากกว่า นอกเหนือจากนี้ยังมีนวัตกรรมฝาปิดอัจฉริยะ ที่มาพร้อมระบบเซ็นเซอร์ ซึ่งทำให้การใช้งานง่ายยิ่งขึ้น เพราะระบบจะเปิด-ปิดฝาอัตโนมัติ ช่วยให้การปิดฝานุ่มนวลขึ้น แถมเรายังไม่ต้องสัมผัส เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกได้อย่างเหนือชั้น

5. ผิวสัมผัสของสุขภัณฑ์ : นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ความสะอาดถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรให้ความสำคัญ ซึ่งถ้าหากมีผิวสัมผัสที่มันวาวและเรียบเนียนเป็นพิเศษ จะช่วยให้การทำความสะอาดสามารถทำได้ง่ายขึ้น

6. การรับรองมาตรฐานและบริการหลังการขาย : สำหรับสุขภัณฑ์ที่ดี นอกจากจะต้องได้รับการรับรองและผ่านมาตรฐานในการผลิตเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพแล้ว ควรเลือกซื้อสุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับการรับประกันและบริการหลังการขายที่ดีด้วย เพราะถ้าหากเกิดปัญหาขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป ทุกคนคงไม่อยากเสียเวลาวุ่นวายในการไปตามหา

7. เทคโนโลยีและฟังก์ชันอัตโนมัติ : ถ้าหากคุณกังวลและให้ความสำคัญกับเรื่องของความสะอาดในห้องน้ำ เพราะเราสามารถเพิ่มความสะอาดและความปลอดภัยให้กับบ้านและการใช้ชีวิตได้ เพียงแค่เลือกใช้สุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชันฝารองนั่งเปิด-ปิดอัตโนมัติ หรือฟังก์ชันชำระล้างอัตโนมัติ ที่ฟลัชน้ำได้เพียงแค่โบกมือผ่าน นอกจากจะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นแล้ว ยังช่วยลดการสัมผัสและการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้แน่นอน