กระเบื้องหลังมีกี่แบบ
กระเบื้องหลังคามี 7 แบบ
1. กระเบื้องหลังคา แบบคอนกรีต : ผลิตจากคอนกรีต เป็นแผ่นกระเบื้องหลังคาที่เราพบเห็นได้ทั่วไป เพราะใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์ทรงไทยหรือบ้านสไตล์โมเดิร์น จึงเรียกว่าได้แบบกระเบื้องหลังคาคอนกรีตเป็นกระเบื้องสารพัดประโยชน์ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ แต่ต้องระวังเรื่องน้ำหนักของกระเบื้อง ดังนั้นจึงควรพิจารณาโครงสร้างหลังคาว่าเเข็งแรงเพียงพอหรือไม่ก่อนจะเลือกใช้กระเบื้องหลังคารูปแบบนี้
2. กระเบื้องหลังคาแบบซิงเกิลรูฟ : ผลิตจากแผ่นไฟเบอร์หุ้มยางมะตอย เป็นแผ่นกระเบื้องหลังคาที่เหมาะกับสไตล์บ้านสมัยใหม่ สไตล์ยุโรป สามารถเลือกใช้ให้สวยงามได้ง่าย มีจุดเด่นที่ความสะดวกสบายเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง การเปลี่ยนแผ่นกระเบื้องในภายหลัง หรือการดูแลรักษา เพราะกระเบื้องหลังคาประเภทนี้ใช้วัสดุที่ปลอดภัยจากสนิมนั่นเอง แต่อาจต้องระวังเรื่องเชื้อราในบางบริเวณหรือการกันความร้อนที่อาจทำได้ไม่ดีเท่ากระเบื้องรูปแบบอื่นๆ
3. กระเบื้องหลังคา แบบดินเผา : ผลิตจากดินเหนียวผสมน้ำ เผาจนได้รูป เป็นแผ่นกระเบื้องหลังคาสไตล์ไทย อาจพบได้ตามบ้านเรือนสมัยก่อน วัด หรือโบสถ์ต่างๆ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การระบายความร้อนได้ดีเป็นพิเศษ เหมาะกับสภาพอากาศประเทศไทย สีสีนรูปลักษณ์ดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติและมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ แต่อาจต้องระวังเรื่องความชื้นที่อาจส่งผลให้กระเบื้องประเภทนี้หลุดร่อนได้ง่ายกว่ากระเบื้องอื่นๆ
4. กระเบื้องหลังคา แบบไฟเบอร์ซีเมนต์ : ผลิตจากไฟเบอร์ซีเมนต์ผสมเส้นใยสังเคราะห์ เป็นแผ่นกระเบื้องหลังคาที่มีสไตล์สมัยใหม่สูง มีจุดเด่นที่การใช้งานที่ดีต่อคนในบ้านเป็นหลัก เนื่องจากกระเบื้องหลังคาประเภทนี้มีคุณสมบัติกันความร้อนได้ดี แข็งแรงทนทาน และลดการเกิดสารพิษที่อาจส่งผลต่อสุขภาพสมาชิกในบ้านอีกด้วย แต่อาจมีราคาสูงกว่ากระเบื้องแบบอื่น และมีข้อจำกัดเรื่องความสูงบ้านอยู่บ้าง
5. กระเบื้องหลังคา แบบเซรามิก : ผลิตจากดินชนิดพิเศษเผาด้วยอุณหภูมิสูง เป็นแผ่นกระเบื้องหลังคาที่เหมาะกับบ้านสไตล์คลาสสิก มีจุดเด่นที่การระบายความร้อน มีสีสันสวยงามเรียบหรู เนื่องจากเป็นวัสดุคุณภาพสูงจึงทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกระเบื้องรูปแบบอื่นๆ
6. กระเบื้องหลังคา แบบซีเมนต์ใยหิน : ผลิตจากใยหินสำลี และปูนซีเมนต์ผสมกันในน้ำ เป็นแผ่นกระเบื้องหลังคาที่เน้นด้านการใช้งานเป็นหลัก เพราะมีจุดเด่นที่การกันไฟได้ และกันความร้อนได้ดี มีราคาถูกจับต้องได้ โดยเหมาะกับหลังคาที่มีมุมตั้งแต่ 10 องศาเป็นต้นไป
7. กระเบื้องหลังคา แบบเมทัลชีท : ผลิตจากโลหะนำไปเคลือบและผ่านความร้อน เป็นแผ่นกระเบื้องหลังคาที่พัฒนามาให้มีความแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น มักใช้กับโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก เพราะมีอายุการใช้งาน ไม่กลัวแดด ไม่กลัวฝน และยังมีราคาดี ทำให้บางครั้งก็มีการใช้กระเบื้องรูปแบบนี้ในบ้านสไตล์โมเดิร์นด้วย
หลังคามี 10 รูปทรง ดังนี้
1. หลังคาทรงจั่ว เป็นหลังคารูปทรงสามเหลี่ยมลาดเอียงลงมา โดยมีด้านบนของทั้งสองฝั่งบรรจบกันที่สันบนสุด เป็นแบบที่สามารถพบเห็นได้บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นทรงที่สร้างได้ง่าย เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย รวมไปถึงประเทศที่อยู่ในเขตร้อนประเทศอื่นๆ ด้วย
2. หลังคาทรงปั้นหยา เป็นหลังคาแบบลาดลงคล้ายทรงหน้าจั่ว แต่จะลาดลงทั้ง 4 ด้าน และบรรจบกันตรงด้านบน เป็นอีกหนึ่งแบบหลังคาบ้านที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป
3. หลังคาทรงแบน เป็นหลังคาแบบสมัยใหม่โดดเด่นสวยงาม ดีไซน์ให้ดูดีได้ง่าย แต่ต้องระวังเรื่องน้ำฝนและการรั่วซึมเป็นพิเศษ
4. หลังคาทรงเพิงหมาแหงน เป็นหลังคาแบบสไตล์ธรรมชาติที่เรียบง่ายและดูดี ติดตั้งง่าย ช่วยกันแดดกันฝนได้ แต่กันความร้อนได้ไม่ดีนัก และต้องออกแบบเพื่อให้การระบายน้ำฝนเป็นไปอย่างปกติ
5. หลังคาทรงผีเสื้อ เป็นหลังคาแบบสมัยใหม่มาก เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น รองรับน้ำฝนได้ดีแต่ควรต้องติดตั้งรางระบายน้ำ เพื่อช่วยระบายน้ำฝนที่กักเอาไว้
6. หลังคาแบบร่วมสมัย เป็นหลังคาที่ออกแบบมาอย่างแปลกตา ตามแต่นักออกแบบจะออกแบบมา จึงเข้ากับบ้านทำให้บ้านสวยทันสมัย แต่ต้องระวังเรื่องความร้อนและการรั่วซึมให้ดี
7. หลังคาทรงมะนิลา เป็นหลังคาที่เหมาะกับสภาพอากาศประเทศไทย เพราะมีความทนทานสูง กันแดด กันฝน ท้าแรงลมในทุกฤดู แต่อาจมีปัญหารั่วซึมได้
8. หลังคาทรงโค้งกลม เป็นหลังคาที่ใช้ได้กับบ้านทุกรูปแบบ ป้องกันการรั่วซึมได้ดีมาก แต่มีราคาค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
9. หลังคาทรงหลายเหลี่ยม เป็นหลังคาที่เหมาะกับบ้านสไตล์คลาสสิก ป้องกันฝนและแดดได้ดีจากทุก ๆ มุม แต่มีน้ำหนักมากจึงต้องคำนึงเรื่องความแข็งแรงของโครงสร้างหลังคาให้ดี
10. หลังคาทรงโดม เป็นหลังคาที่ดูหรูหราคลาสสิคสไตล์ยุโรป ไม่ว่าใครผ่านมาเห็นก็ต้องเหลียวมอง แต่ต้องระวังเรื่องการรั่วซึมเป็นพิเศษ